ทราย เจริญปุระ

“เป็นร้านน่ารักที่รวมเอาหนังสือดีๆ ทั้งแบบในกระแส และนอกกระแสที่อาจหายากในร้านหนังสือแฟรนไชส์อื่นๆ ที่ชอบก็เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว และทรายว่าเดี๋ยวนี้ร้านหนังสือที่ตั้งใจขายหนังสือโดยตรง โดยคนที่รักหนังสือเหมือนกันมันมีน้อยลงมีหลายครั้งที่เราไปที่ร้านหนังสือในห้างดังแล้วพบว่าการงมหาหนังสือด้วยตัวเองนั้น แม้จะปวดตาแต่ก็ทำให้หงุดหงิดน้อยกว่าให้พนักงานที่มาเสนอตัวให้ความช่วยเหลือแล้วหาอะไรไม่เจอซักที บรรยากาศภายในร้านสบายๆ เป็นกันเองบางวันจะมีการพบปะสนทนาในหัวข้อน่าสนใจที่จัดขึ้นโดยทางร้านจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการหย่อนใจค่ะ ไปทีก็จะเสียตังค์ได้ทีละเยอะๆ โดยไม่เสียดาย แถมได้เจอหนังสือน่าสนใจหลายๆ เล่มที่อาจไม่ได้โด่งดังอะไรมาวางขายแบบไม่น้อยหน้าสนพ.ดังๆ ในร้านด้วยค่ะ”

ร้านประตูสีฟ้า ( Bluedoor )
เปิดมา ๓ ปีกว่าๆ แล้ว ตอนแรกเป็นร้านที่เน้นขายหนังสือที่ร้านหลักๆ ทั่วไปไม่ขายกัน เพราะขายไม่ออกแต่จะขายได้ที่ร้านนี้ ในทางกลับกันหนังสือที่ขายดีที่ร้านอื่นที่นี่กลับขายไม่ค่อยได้ และขายกาแฟไปด้วย แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มอาหารและเหล้าเข้ามา ตอนแรกมีแค่ห้องเดียวแต่พอมีอาหารเพิ่มมาก็ขยายมาเป็นสองห้อง จริงๆ คุณแหวน (ผู้บริหารร้านคนปัจจุบัน) เองก็เป็นลูกค้าของร้านมาก่อนตั้งแต่เค้าเปิดใหม่ๆ ไม่มีคนเงียบสงบ รู้จักกับเจ้าของเก่าไปๆ มาๆ เลยกลายเป็นเจ้าของไปด้วยเลย เธอเป็นรุ่นที่สอง (second generation) ที่เข้ามาดูแลมรดกชิ้นนี้ไว้ให้สังคมไทยให้ลูกให้หลาน ส่วนชื่อร้านนั้นมาหลังจากทาสีประตูร้านแล้ว เจ้าของเก่าเล่าให้ฟังว่าตอนแรกจะทาสีชมพู แต่ตอนนั้นมันไม่มีเลยได้สีฟ้ามาแทน จริงๆ เจ้าของร้านไม่อยากจำกัดว่ามันจะต้องเป็นร้านหนังสือ หรือร้านเหล้า หรือร้านอาหาร มองว่ามันเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้ใครหน้าไหนก็ได้เข้ามา “ปล่อยของ” กัน จะเรียกว่าเป็นความพยายามที่จะสร้าง “ชุมชน” ก็ได้ ชุมชนทางเลือก ชุมชนของคนที่มีเวลาและหัวใจให้กับสิ่งสวยงามเล็กๆ ในชีวิต

ประเภทหนังสือหลักที่ทางร้านเลือกมาวางขาย
สังคม ปรัชญา ศาสนา วรรณกรรมไทยและแปล แต่จะออกแนวสังคมอีกเช่นกัน วรรณกรรม เยาวชนของผีเสื้อ กวีนิพนธ์ ไม่มีหนังสือ How To (ถ้าเอเย่นต์ส่งมาให้ก็จะเอาไปซ่อน) ไม่มีนิยายรักหวานแหวววัยรุ่น
ทราย เจริญปุระ “เป็นร้านน่ารักที่รวมเอาหนังสือดีๆ ทั้งแบบในกระแส และนอกกระแสที่อาจหายากในร้านหนังสือแฟรนไชส์อื่นๆ ที่ชอบก็เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วและทรายว่าเดี๋ยวนี้ร้านหนังสือที่ตั้งใจขายหนังสือโดยตรง โดยคนที่รักหนังสือเหมือนกันมันมีน้อยลง มีหลายครั้งที่เราไปที่ร้านหนังสือในห้างดังแล้วพบว่าการงมหาหนังสือด้วยตัวเองนั้น แม้จะปวดตาแต่ก็ทำให้หงุดหงิดน้อยกว่าให้พนักงานที่มาเสนอตัวให้ความช่วยเหลือแล้วหาอะไรไม่เจอซักที บรรยากาศภายในร้านสบายๆ เป็นกันเอง บางวันจะมีการพบปะสนทนาในหัวข้อน่าสนใจที่จัดขึ้น โดยทางร้านจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการหย่อนใจค่ะ ไปทีก็จะเสียตังค์ได้ทีละเยอะๆ โดยไม่เสียดาย แถมได้เจอหนังสือน่าสนใจหลายๆ เล่มที่อาจไม่ได้โด่งดังอะไรมาวางขายแบบไม่น้อยหน้าสนพ.ดังๆ ในร้านด้วยค่ะ”

กิจกรรมเกี่ยวของทางร้าน
ส่วนใหญ่จะพยายามจัดเสาร์เว้นเสาร์หรือตามใจเจ้าของร้าน ตัวอย่างของกิจกรรมเช่น เสาร์แรก “เปิดประตูแห่งสติ กับปราชญ์สยาม” กับอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เสาร์ถัดไป “เปิดประตูสู่ตรุงปะ นาโรปะ ตีโลปะ กับวิจักขณ์(ปะ)” หยุดไปหนึ่งเสาร์แล้วมาจัดต่อด้วย ‘คุยกันเรื่องภาวนากับคนรุ่นใหม่’

ในอนาคตที่วางแผนไว้ก็จะมีการอ่านนิทานเด็ก สอนทำอาหาร การทำละครโดยจะเชิญ ครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน กับ มานพ มีจำรัส มาคุยและทำการแสดงเล็กๆ ให้ดูเป็นต้น บางทีก็มีเพื่อนๆ ของเจ้าของร้านมาขอใช้สถานที่ มาเย็บสมุด มาเล่นดนตรี มาเปิดตัวหนังสือจะเห็นว่าไม่ได้จำกัดแค่เรื่องอ่านๆ เขียนๆ จัดครอบจักรวาล เพราะทางร้านอยากให้คนหลากหลายวงการมาเยือน เพราะนั่นคือสังคมที่แท้จริงมันต้องหลากหลาย มันต้องไม่จำกัดตัวเอง ลูกค้าก็เสนอได้ว่าอยากให้ทางร้านจัดอะไร ก็จะเปิดรับไอเดียหมด และมีดนตรีสดเล่นด้วยทุกวันเสาร์ เป็นวงคุณหมอจาก โรงพยาบาลจุฬา ชื่อคุณหมอธีรวัฒน์ เหมะจุฑา มาเล่นกับเพื่อนๆ และก็มีเพื่อนๆ ของเจ้าของมาร่วมแจมบ้าง ส่วนวันศุกร์จะมีดีเจมาเปิดแผ่นแนวแจ๊ส บอสซ่า สร้างสีสันและความสนุกให้กับทางร้านมากขึ้น

อาหารและเครื่องดื่มที่ขายนอกจากหนังสือ
ไอศกรีมละมุนเป็นไอศกรีมนมถั่วเหลืองไม่มีส่วนผสมของนมวัว ไม่ใส่สารสังเคราะห์ในการแต่งสี กลิ่นหรือรสชาติ ใช่ส่วนผสมจากธรรมชาติล้วนๆ โดยมีนมไวตามิ้ลค์กับวีซอยทำเป็นส่วนประกอบหลัก 

กลุ่มลูกค้าหลักส่วนใหญ่
มีความหลากหลาย พนักงานบริษัท นักศึกษา คุณลุงคุณป้าแถวๆ ร้าน ชาวญี่ปุ่นก็เยอะ เพราะที่ร้านมีข้าวซอยอร่อย ฝรั่งก็มีบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่พูดไทยได้เกือบทุกคน แต่ช่วงหลังมีวัยรุ่นมามากขึ้น และอีกกลุ่มก็เป็นเพื่อนๆของเจ้าของร้าน

จุดเด่นของร้านประตูสีฟ้า และความแตกต่างจากร้านหนังสืออื่นๆ
เป็นร้านที่ไปแค่ครั้งเดียวก็อยากกลับไปอีก เพราะให้ความรู้สึกดีๆ เหมือนมาเยี่ยมบ้านเพื่อน และอาหารอร่อยมาก แม่ครัวฝีมือเยี่ยมมากๆ อาหารก็ง่ายๆ เหมือนได้กินที่บ้าน สามารถมานั่ง มานอน มากิน มาคุยได้ตามใจชอบ บางทีอาจจะกลายมาเป็นเจ้าของร้านในวันหนึ่งก็ได้

สถานที่ : ร้านหนังสือ ประตูสีฟ้า ( Bluedoor )
คำขวัญประจำร้าน : There are no customers, only good friends
ที่ตั้ง : ๓ ซอยเจริญมิตร (เอกมัย๑๐) สุขุมวิท ๖๓ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ๑๐๑๑๐
โทรศัพท์ : Tel : ๐ ๒๗๒๖ ๙๗๗๙
พื้นที่ : พื้นที่ประมาณ ๔๐ ตร.ม.
เว็บไซต์ : Facebook Bluedoor และ ร้านประตูสีฟ้า เอกมัย

แสดงความคิดเห็น

 
Top